ต่อไปโลกดิจิทัลจะเป็นเกมของ “ขุน” กับ “เบี้ย”

ในปัจจุบัน ถ้าหากจะคิดผลักดันให้คนไทยมีความรู้ด้านดิจิทัลหรือ Digital Literacy แค่นี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเป็นการมองเกมที่สั้นเกินไป ถ้าจะมองการสร้างคนรุ่นใหม่ ต้องเล่นเกมแบบยาวๆ ในยุคต่อไป ถ้ามองเกมสั้น แค่ทำให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ รู้จักการใช้เทคโนโลยีเพียงผิวเผิน คนในประเทศเราจะกลายเป็นแค่เบี้ยดิจิทัลหรือทาสดิจิทัล ไม่ได้เป็นนายหรือเป็นขุนของดิจิทัล ซึ่งจะเป็นคนที่สร้างผลผลิตจากดิจิทัลด้วยตัวเอง ตรงนี้ถือว่าเป็นความท้าทายและเป็นโอกาสที่ดีของคนไทย สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่เราใช้แพลตฟอร์มกันอยู่ ไม่มีอันไหนที่เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยเลย แม้กระทั่งที่ออนไลน์คุยกันอยู่ตอนนี้ใช้โปรแกรม zoom ก็ไม่ใช่ของคนไทย การติดต่อสื่อสารไม่ว่าจะเป็น facebook หรือ line ก็ไม่ใช่ของไทย เราถูกดูดข้อมูลไปหมดแล้ว เสียเงินไปเท่าไหร่กับแพลตฟอร์มของคนอื่น
หลัก 3 ข้อเพื่อเล่นเกมยาว
พลเมืองยุคใหม่ต้องทันโลก ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำของรัฐและเอกชน ต้องช่วยกันวางหมากสร้างเกมยาวๆ โดยใช้หลัก 3 ข้อคือ
สร้างสิ่งแวดล้อม เริ่มจากกฎหมาย ทำให้คนไทยไว้ใจรัฐ เชื่อถือในกฎหมายและระบบที่สร้างขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น รัฐออกแอปฯ ไทยชนะ คนไทยบางคนลังเลที่จะใช้ อาจจะมีความกลัวและความไม่มั่นใจอยู่ แต่ถ้ามีกฎหมายระบุว่า ถ้ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐนำข้อมูลของประชาชนไปใช้ เจ้าหน้าที่ หน่วยงาน และผู้มีอำนาจจะถูกลงโทษ ทำให้ไม่มีใครกล้าละเมิดและยิ่งถ้ามีการลงโทษจริงให้เห็น จะทำให้ประชาชนกล้าใช้แอปฯ ของรัฐมากขึ้นเพราะเขารู้สึกว่าเขาได้รับการคุ้มครอง ความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงเทคโนโลยี ถ้ามองในมุมทางการศึกษา สังเกตได้จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยไม่ดัง อยู่ต่างจังหวัด นักศึกษาจะใช้อินเทอร์เน็ตแบบ pre-paid หมดแล้วเติม ต่างจากนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองจะใช้แบบรายเดือน คุณพ่อคุณแม่จ่ายให้ อยากให้เอกชนช่วยอุ้มชูให้สิทธิพิเศษกับการศึกษา ช่วยเหลือนักศึกษาในส่วนที่ยังไม่เข้าถึง รัฐและเอกชนสร้างสิ่งแวดล้อมดิจิทัลหมดแล้ว เมื่อเด็กไปทัศนศึกษา เด็กเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประเทศใกล้ ๆ อย่างประเทศสิงคโปร์ พอเดินผ่านต้นไทร จะมีเสียงขึ้นมาบอกพันธุ์และแหล่งกำเนิด เป็นการให้ความรู้โดยใช้ดิจิทัลและเทคโนโลยีแทรกซึมเข้าไปในทุกที่ ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างสร้างคนยุคใหม่ตั้งแต่ชั้นอนุบาลให้เป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์ มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล ไม่ใช่เกิดมาแล้วเป็นเบี้ย หรือเป็นทาสดิจิทัลเพียงอย่างเดียว เหมือนกับคนสมัยเรากำลังเป็นกันอยู่ คนรุ่นใหม่ต้องมีศักดิ์ศรีก้าวขึ้นมาเป็นนายของโลกดิจิทัลให้ได้ ต้องฝากความหวังไว้กับการศึกษา ถ้าเด็กขึ้น ม.ปลาย ยังแบ่งแยกสายวิทย์กับสายศิลป์ แบบนี้จบข่าว ศ.ดร.สุชัชวีร์อยากให้เริ่มตั้งแต่เด็กอนุบาล ไม่จำเป็นต้องเรียน coding แต่ขอให้เริ่มสอนเรื่องตรรกะ if then else ถือเป็นจุดเริ่มต้นการมีตรรกะทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะพัฒนาต่อไปให้ประสบความสำเร็จได้ง่าย
สุดท้าย สร้างค่านิยมให้มีความเป็นชาตินิยม ภูมิใจในความเป็นคนไทย ชื่นชมคนไทยด้วยกันเมื่อประสบความสำเร็จ เปลี่ยนความเชื่อใหม่ ให้เชื่อว่าคนไทยทำได้ สนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่วิพากษ์วิจารณ์กันเกินไปว่าทำไม่ได้ ควรให้กำลังใจคนไทยด้วยกัน ศ.ดร.สุชัชวีร์ให้ความมั่นใจว่าคนไทยเก่งและปรับตัวได้เร็ว สามารถขึ้นไปสู้กับระดับโลกได้ ขอให้มีใจสู้มากขึ้น ขยันให้มากขึ้น เชื่อว่าคนไทยทำได้แน่นอนครับ

น้าเมฆ
https://facebook.com/cloudbookfanpage

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save